ถ้าพูดถึง “เขาใหญ่” เราว่าทุกคนคงรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี หนึ่งเลยคือมีธรรมชาติโอบอ้อมที่สมบูรณ์ มีฝูงสัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย และปัจจุบันก็กลายเป็นอีก Destination ของเหล่านักเดินทางทั้งหลาย รีวิวนี้เราขอพูดถึงในส่วนของที่พักคอนเส็ปเก๋อย่าง Hotel Labaris Khaoyai โรงแรมที่สามารถถ่ายทอดความเป็นเขาใหญ่ออกมาได้อย่างชัดเจนและตรงเป๊ะ “Labaris” มาจากภาษาลาติน แปลว่า “เขาวงกต” ซึ่งทุกคนจะเดาไม่ออกเลยว่าจะเจอกับอะไรบ้าง
ที่นี่คุณจะพบกับความ Surprise ในทุกย่างก้าว ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าลึกเข้าไปถึงริมลำธารด้านหลังสุดของโรงแรม ราวกับว่าเราค่อยๆพลิกหนังสืออ่านทีละหน้าทีละหน้าอย่างตั้งใจ
เอาละเรามาเริ่มสำรวจที่นี่กันเถอะ ซึ่งพื้นที่ของโรงแรมถูกแบ่งออกเป็น 5 Chapter
Chapter 1 ชื่อว่า Welcome Zone ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าจะเป็นสวนสวยๆ พร้อมบรรดาสัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้ต่างๆ
จุดนี้จะมี Rabbit Cafe ตั้งอยู่ด้วย แต่เราขอเล่าหลังสุดแล้วกันนะ ขอพาไปชมโรงแรมก่อน 555
เดินต่อมาที่ Chapter 2 ซึ่งเป็นส่วนของตัวห้องพักต่างๆ ชื่อว่า The Heart of Labyrinth (Hotel Zone) จุดนี้จะเจอกับโซนเช็คอินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางขนาบด้วยปราสาท Starry Castle และ Midnight Castle ทั้งซ้ายขวา พร้อมเหล่าพนักงานที่รอตอนรับเราอย่างอบอุ่น **พนักงานที่นี่จะเรียกแขกทุกคนที่เข้ามาว่า “นักเดินทาง” ไม่เรียกว่าลูกค้าเราว่ามันน่ารักดีนะ
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยเราต้องเดินผ่านเขาวงกตเข้าไปยังตัวห้องพัก เป็นกิมมิกเล็กๆน้อยๆแต่ได้ใจเรานะ
ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีลักษณะโค้งมน ยอดปลายแหลม สามารถมองทะลุช่องแสงได้อย่างลงตัวและสวยงาม
เราพักห้อง Duplex Room ด้านในมี 2 ชั้น ล่างสุดเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมดูหนัง ฟังเพลง ทำงานต่างๆ ส่วนด้านบนจะเป็นในส่วนของห้องนอน ชอบตรงที่เพดานในห้องสูงมาก อยู่แล้วไม่อึดอัด
ช่วงบ่ายมี Afternoon Tea มาเสิร์ฟที่ห้อง เป็นเซ็ตขนมพร้อมชาร้อน อุ่นเครื่องก่อนมื้อเย็น
ด้านหน้าห้องมีระเบียงชมวิว ยิ่งช่วงเย็นๆ แสงดี ลมดีมากอีกต่างหาก
ถัดมาที่ Chapter 3 ชื่อว่า Explore The Secret Room (Villa Zone) ทุกคนจะพบกับประตูสู่เขาวงกตที่ถูกคั่นด้วยตัวกระจกอีกทีสะท้อนความเขียวขจีของทั้งธรรมชาติและผู้ที่หลงเข้ามา อะคอนเส็ปเก๋อย่างต่อเนื่อง ไม่มีแผ่ว 5555
เดินทางมาถึง Chapter ที่ 4 Tracking the Beauty of Romance ซึ่งเป็นโซนของห้องอาหารหนึ่งเดียวของโรงแรมชื่อว่า The Fable Feast เปิดให้บริการตั้งแต่อาหารเช้า กลางวัน ไปจนถึงมื้อเย็น ส่วนตัวแล้วปลื้มการออกแบบตัวอาคารโดยเฉพาะเจ้าหลังคาทรงเคิฟๆดูมีมิติเนี้ย
อารมณ์เหมือนโซนลับกลางป่า
ด้านในมีคอนเส็ปในการออกแบบให้เป็นเสมือนห้องปรุงยาในหนังสือนิทาน เน้นกระจกรอบด้านและเพดานสูงโปร่ง
จริงๆเราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยเลือกกินเท่าไหร่อะไรก็ได้ขอแค่อิ่ม แต่พออาหารที่นี่มาเสิร์ฟคือแบบตาโต เชฟจัดเรียงทุกจานมาอย่างสวยงามและพิถีพิถัน และคือไม่ได้สวยแค่รูป ตัวรสชาติเองก็เด็ดไม่แพ้กันเลย กดโหวตเลยจ้า
เมนูที่เราสั่งก็จะมี Salmon quinoa salad with lemon honey dressing / Homemade tomato soup / Spaghetti tom yum, river prawn, caramel salted egg / Braised Wagyu Osso buco / Labaris signature platter
ด้านหลังห้องอาหารคือ Chapter ที่ 5 สุดท้ายละ ชื่อว่า The Meander Wonderer เป็นโซนสระว่ายน้ำ ซึ่งสระที่นี่จะแตกต่างจากโรงแรมอื่นแบบชัดเจนคือตัวสระลัดเลาะไปตามมุมต่างๆราวกับสายน้ำในแม่น้ำนั่นเอง เวลาที่เราว่ายน้ำอยู่ก็จะเหมือนกับได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติของจริง
เราถ่ายสระว่ายน้ำมาให้ดูนิดหน่อยเพราะวันที่ไปสระปิด 555 แอบบเสียดาย
เช้าอีกวันก็เดินมาทานอาหารที่มุมเดิม ช่วงนี้เป็นแบบสั่งทานเป็นจานๆ เซฟความปลอดภัยตวามสถานการณ์แหละ
มาพักที่นี่ใครอยากดื่มกาแฟหรือกินขนม สามารถเดินมาได้ที่ Rabbit Cafe ด้านหน้าสุด จะเจอกับคาเฟ่ในโพรงกระต่ายไซต์มินิ ตกแต่งโทนขาวๆสบายตา ที่นี่จะเปิดตั้งแต่ 11.00-17.00 น. แขกด้านนอกสามารถเข้ามาทานได้
ทางนี้จัดเต็มทั้งบานอฟฟี่ แพนเค้ก และเครื่องดื่มเย็นๆ สดชื่นมาก
ได้เวลากลับสู่โลกแห่งความจริงแล้วทุกคน ส่วนตัวแล้วประทับใจนะ เราว่าที่นี่มันเหมาะมากกับการแบ่งเวลามาพักผ่อน พาคนที่รักมาใช้ชีวิต มาเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง มาตั้งคำถามพร้อมหาคำตอบจากที่นี่ไปพร้อมๆกันนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม : hotellabaris.com
พิกัด : 9/9 หมู่ 4 ถนนธนะรัชต์ กม.16 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30450
Website : www.hotellabaris.com
Facebook : https://www.facebook.com/hotellabaris/
Tel : 044300999
No Comments