Aleenta Hua Hin – Pranburi ตกแต่งสไตล์บาหลีบวกทรอปิคอลเล็กๆ ริมปากน้ำปราณ

ถ้าโจทย์ของคุณคือทะเลที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว ปราณบุรีคงอยู่ในช้อยแรกๆ ของการเดินทางครั้งนี้เพราะนอกจากจะเดินทางง่าย หาดสวย ที่นี่ยังมีที่พักดีๆซ่อนตัวอยู่เยอะมาก อย่างเช่นครั้งนี้ เราเลือกพักที่ Aleenta Hua Hin – Pranburi อยู่เลียบหาดปากน้ำปราณ ตกแต่งสไตล์บาหลีบวกทรอปิคอลเล็กๆ

ยิ่งช่วงกลางวันที่แดดส่องห้องพักแต่ละหลัง แสงที่ลอดผ่านซี่ไม้ลงมาด้านล่างยิ่งดูมีเสน่ห์ เราพักห้อง Beachfront Pool Residence จุดเด่นของวิลล่าหลังนี้คือสามารถมองวิวทะเลและนอนฟังเสียงคลื่นได้ทั้งวัน มีสระว่ายน้ำ เตียงอาบแดดส่วนตัว แต่ที่ชอบสุดคือเจ้าเปลนอนขนาดใหญ่หน้าห้องนี่ละ ขอหมอนสักใบกับลมทะเลยามเย็นคือเผลอหลับได้เลยนะ มันสบายมาก

Aleenta Hua Hin Resort & Spa เป็นรีสอร์ทขนาดกระทัดรัดที่ซ่อนตัวอยู่บนหาดปากน้ำปราณ ตกแต่งสไตล์บาหลีบวกทรอปิคอลโทนขาวน้ำตาล มีโซนหลักๆ 2 แห่งไม่ติดกันคือ Frangipani (เด็กพักได้) และ Main Wing (เด็กจะเข้าพักไม่ได้และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เราพักที่นี่)

สิ่งแรกที่สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนเช็คอินคือโรงแรมออกแบบมาดีจัง คุมโทนดี สีไม่เยอะ
มีทางให้แสงลอดผ่านเข้ามาในองศาที่พอดิบพอดี ยกกล้องหันไปทางไหนก็คือสวย

เช็คอินเรียบร้อยก็ไม่รอช้าเพราะอยากไปเห็นห้องตัวเองแล้ว Beachfront Pool Residence ของช้านนน เจ้าห้องกลมๆตรงหน้านี่แหละ

สิ่งแรกที่สะดุดตาคือเปลจ้า เช็คการรับน้ำหนักกับพนักงานแล้วว่าสามารถนั่งได้ไม่ร่วงแน่ 5555 นี่ลองนั่งเล่นก็คือดี ใหญ่แบบห่อเราได้ทั้งตัว

ทาด้าม.. เปิดเข้ามาแอร์เย็นฉ่ำ มีเตียงขนาดใหญ่เป็นพระเอกของห้อง
จริงๆด้านในก็ตกแต่งแบบเรียบง่าย สบายๆ แบ่งส่วนของโซนนอน โซนแต่งตัว และห้องอาบน้ำแบบชัดเจน ในห้องไม่มีทีวีนะ เพราะทางรีสอร์ทอยากให้แขกที่มาพักได้เสพแต่ธรรมชาติจริงๆ ทิ้งเรื่องราววุ่นวายต่างๆไว้ข้างนอกให้หมด

หน้าห้องมองออกไปเป็นวิวทะเลเลยจ้า นอนแช่น้ำในสระส่วนตัวเพลินๆได้ทั้งวัน
ถ้าหิวก็สามารถสั่งอาหารมานั่งทานที่ห้องได้ด้วย

ด้วยความที่หน้าห้องเปิดโล่งทำให้มีลมเย็นๆพัดเข้ามาแทบทั้งวัน ยิ่งถ้าได้นอนตรงเปลแล้วเปิดเพลงคลอเบาๆด้วยแล้วนะ หลับยาวแน่

ความน่ารักของรีสอร์ทคือมีไอแพดไว้ในห้องทุกห้อง ใช้สำหรับติดต่อพูดคุยกับพนักงาน สั่งอาหาร จองสปา หรือดู VDO ออกกำลังกาย

แม้ว่าจำนวนห้องของที่นี่จะมีไม่เยอะ แต่ก็มีกิมมิกตรงที่แต่ละหลังจะตกแต่งไม่เหมือนกัน
เพื่อให้ลูกค้าที่กลับมาพักซ้ำรู้สึกเหมือนเพิ่งเคยมาพักใหม่ทุกครั้ง อย่างด้านหลังเราจะเป็นห้องแบบ Penthouse มี 2 ห้องในอาคารเดียว ห้องข้างบนมีจุดชมวิวบนดาดฟ้าให้ด้วย

เมื่อท้องเริ่มหิว ก็ได้เวลาของมื้อกลางวัน เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ของตึกล็อบบี้จะเจอห้องอาหารวิวสวย เลือกมุมนั่งและสั่งอาหารได้ตามชอบ

เราสั่งมาแน่นโต๊ะ เพราะดูน่าลองทุกเมนู โดยเฉพาะสลัดปลาทูน่า ผักสดกรุบกรอบราดน้ำซอสนิดๆ ให้เต็มสิบแบบไม่หัก

น้ำทะเลสีสวยๆ มีหลังคามุงจากของห้องพักเป็นพร็อบ ฟีลต่างประเทศมาก สามารถสั่งเครื่องดื่มมานั่งชิลริมสระได้ หรือนอนอาบแดดตรงนี้ (ถ้าคิดว่าสู้แดดเมืองไทยไหว 555) ก็ได้เช่นกัน

ยามเย็นเราให้ทางรีสอร์ทพาข้ามโซนมาที่ฝั่ง Frangipani นั่งรถแค่ 3 นาทีก็ถึงแล้ว
จะมีบาร์เล็กๆริมทะเลที่ชื่อ Beach Cafe อยู่ มาจ้าชั่วโมงที่เรารอคอย เครื่องดื่มดีๆทั้งหลายสั่งมาลองแบบรัวๆ

ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังค่อยๆตกดิน สาดสีทองไปทั่วทะเล มีนักท่องเที่ยวพากันมาเดินเล่นริมหาด ตรงหน้าเราก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มและคานาเป้ต่างๆ ช่างเป็นวันพักผ่อนที่โคตรดี

เช้าวันถัดมาเราให้ทางรีสอร์ทโทรมา Morning Call ตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวไปเข้าฟาร์มเก็บไข่กัน ตัวฟาร์มอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก มีบรรดาน้องไก่นับ 10 ตัวออกมาต้อนรับ
เราเข้าไปเก็บไข่แบบสนุกสนาน บางตัวมีหวงไข่ด้วยมายืนเฝ้าตรงตะกร้าตลอด 555 น่ารักดี

หลังจากนั้นก็ได้เวลาของมื้อเช้า ก็ทำจากไข่ที่เราไปเก็บมานี่แหละ เป็นอีกกิจกรรมที่ห้ามพลาดน๊าถ้ามีโอกาสได้มาพัก

วันนี้เราใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการถ่ายรูปบ้าง อ่านหนังสือบ้าง นั่งกินขนมบ้าง

ก่อนจะถึงเวลานัดทำสปา ตอนเปิดห้องเข้าไปว้าวมาก เป็นห้องแบบ Open Air วิวทะเลอะแก เพราะตัวสปาของที่นี่เค้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะรูปแบบห้อง รวมถึงคอร์สสปาต่างๆ เราเลือกเป็นคอร์สนวดไทยรวมถึงใช้การบำบัดด้วยเสียง ทำให้ผ่อนคลาย รู้สึกตัวเบา สบายมาก

มื้อเย็นสุดพิเศษมีนัดกันที่ริมหาด โอ้ย ..ความโรแมนติกนี้ อยากมากับแฟนมาก
ทั้งหาดมีแค่โต๊ะเรา นั่งกินข้าวไปแบบเขิลๆ 555 ใครอยากมีโมเมนต์แบบนี้จองมาล่วงหน้าได้นะ เลือกเซ็ตอาหารได้เองด้วย

ของเราขอเป็นอาหารซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลา มาครบ

และแน่นอนหลังจากที่เดินสำรวจโรงแรมไปเมื่อวานนี้ เราก็ได้จอง Floating Breakfast ทันที เพราะอยากได้รูปสวยๆ แหละ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเสิร์ฟที่ห้องเลย หรือริมสระว่ายน้ำ

เอาละ เราขอสรุปสั้นๆสำหรับการเข้าพัก 2 คืนที่นี่
นอกจากการได้หยุดพักแบบจริงๆ วันๆอยู่แต่กับทะเล ฟังเสียงลมเสียงนกแล้ว
ยังได้ลองทำกิจกรรมใหม่ๆที่ไม่เคยทำอีกเยอะมาก ได้ลองตื่นเช้าไปเก็บไข่มาทำอาหาร ลองทำขนม ลองนั่งเฉยๆมองสิ่งรอบตัวขยับไปมามันก็มีความสุขอีกแบบ
เพราะฉนั้นเราเลยพูดได้เต็มปากว่าถ้าคุณอยากพักผ่อนจริงๆ อยากอยู่กับตัวเองจริงๆ ที่นี่แหละ ที่น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณมากที่สุดแล้ว

No Comments

Leave a Reply

Facebook

Facebook

About Me

Call me “Pui”, a kind of girl who enjoy travelling, meet some new friends and places. CHILL WITH ME is an area of our own journey stories willing to share and inspired you to fulfill your teenage dreams’ passion, pack your baggage and journey…round the world.

Instagram

Handpicked

Featured