ประสบการณ์ตรงจากตัวเองที่เคยคิดลบกับประเทศนี้มากๆ ถ้ารักสงบอินเดียอาจไม่ใช่จุดหมาย แต่ถ้าอยากได้ชีวิตที่ท้าทายแนะนำให้ไปอินเดีย ทริปนี้เดินทางไป 2 เมืองแห่งแคว้นราชสถาน Jaipur (Pink City) และ Jodhpur (Blue City) หรือที่คนไทยเรียกว่าชัยปุระกับจ๊อดห์ปุระนั่นแหละ กับเวลา 5 วัน 4 คืน จะบอกว่าที่นี่ถ่ายรูปสวยมาก บ้านเมืองอลังการ เรื่องความใหญ่โตไว้ใจบ้านพี่เค้าละ มันดีกว่าที่เราตั้งความหวังไว้เยอะ ผู้คนน่ารัก มีน้ำใจ
#การทำVISA
เที่ยวอินเดียต้องใช้วีซ่านะคะ สามารถทำออนไลน์ได้ที่ลิ้งค์นี้ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
ราคาอยู่ที่ 80 USD หรือประมาณ 2,700 บาท แค่วันเดียวก็อนุมัติแล้วง่ายมากๆ ถ้าไม่ผ่านก็แค่ส่งไปใหม่ชิลๆ
#การเดินทาง
บินกับ Thai Smile Airways บินตรง สุวรรณภูมิ – ชัยปุระ (ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงกว่าๆ)
#ซิมมือถือ
การซื้อซิมแนะนำ SIM2Fly AIS แพคเกจ 8 วัน ราคา399 บาท
ถ้าไปซื้อซิมที่นู่นคือยุ่งยากมาก ใช้เอกสารเยอะเสียเวลาเราเปล่าๆ
#รถเช่า
การเดินทางในชัยปุระจริงๆมีให้เลือกหลายแบบ Rickshaw (ตุ๊กๆบ้านเรา) UBER
หรือจะเป็นเช่ารถพร้อมคนขับก็สะดวกดี เราเลือกเที่ยวแบบสบายๆ เช่ารถพร้อมคนขับ
ของ Ranthambore Tour Cab คนขับพูดภาษาอังกฤษได้ ชื่อ Mr.Singh คนนี้พีคมาก พาเราทัวร์แบบ VIP สุด
ก่อนไปเราส่ง Plan ทั้งหมดไปให้ตีราคา 5 วัน 2 เมือง (Jaipur – Jodhpur) อยู่ที่ 12,350 INR. หรือ 6,000 บาท
Line: ranthambore
Fb : https://web.facebook.com/RanthamboretourCab/
#13สถานที่ห้ามพลาด ชัยปุระ – จ๊อดห์ปุระ ลอกตามได้เลย
-Hawa Mahal
-Panna Meena Ka Kund
-Amber Fort
-Nahargarh Fort
-City Place
-La Palma Jaipur
-Mehrangarh Fort
-Pachetia Hill
-Jodhpur Old Town
-Step Well Café
-Albert Hall Museum
-Galta Ji Temple Jaipur
1. ขอเปิดสถานที่แรกของเมืองนครสีชมพูด้วย The Patrika Gate ตั้งอยู่ตรงวงเวียน Jawahar ใกล้สนามบินมากๆ เป็นประตูลำดับที่ 9 แห่งเมืองชัยปุระ โครตอลังการ ตอนคนขับรถไปจอดด้านหน้านี่ร้องโหหนักมาก ชมพูสวยเด่นมาแต่ไกล ถ่ายมุมไหนก็สวย ที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าเข้าจะอยู่ถ่ายรูปนานแค่ไหนก็ได้
ด้านในเป็นสีๆสวยงามคนอินเดียนิยมมาถ่ายหนัง ถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่เยอะ
ตอนเราไปเห็นประมาณ 2-3 คู่ละ ก็สวยขนาดนี้อะเนอะ
2. สถานที่ต่อไป Hawa Mahal หรือพระราชวงสายลม เรียกได้ว่าเป็นแลนมาร์กประจำเมืองชัยปุระแบบนั้นก็ได้นะ เพราะใครมาก็มาถ่ายรูปที่นี่ ตั้งอยู่กลางเมืองสุดโดดเด่นตัวอาคารจะมีหน้าต่างขนาดเล็กๆ จำนวน 953 บาน เพื่อให้นางในสามารถมองเห็นความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองได้ ส่วนขนาดเล็ก-ใหญ่ของบานหน้าต่างขึ้นอยู่กับตำแหน่งละ
ฝั่งตรงข้ามจะมีคาเฟ่เก๋ๆวิว Hawa Mahal ชื่อ Wind View Cafe ไปที่นี่เหมือนได้เพื่อน
ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของร้านหรือพนักงานในร้านชวนเราคุยตลอด เห็นบอกว่ามีแฟนเป็นคนไทย ชอบเมืองไทยมาก แล้วนางก็เริ่มเล่าถึงเมืองชัยปุระ บอกว่าคืนนี้จะมีเทศกาล Diwali นะ ถนนด้านหน้าทั้งเส้นจะจัดงาน เปิดไฟสวยงาม เป็นเทศกาลต้อนรับปีใหม่ของชาวฮินดูเหมือนๆเทศกาลสงกรานต์บ้านเรา
นี่ก็นั่งคุยกะเค้าเป็นชั่วโมง งูๆปลาๆ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างสนุกดี เครื่องดื่มที่ร้านก็กินได้นะ แซนวิสงี้ ชางี้ พอได้เลยละ มีกลิ่นเครื่องเทศหน่อยๆ แต่เมื่อเทียบกับวิวแล้วให้ 3 ผ่านไปเลย
นีคือวิวตอนกลางคืนที่เรากลับมาดูใหม่ ก็สวยเชียวละ
3.Panna Meena Ka Kund บ่อน้ำโบราณขั้นบันไดฟรีค่าเข้า
แต่ถ้าอยากลงด้านล่างให้ยืนรอคนน้อยๆ ซักพักผู้คุมก็จะถามเราเอง ยูอยากลงหรอ 100 รูปีนะหรือ 50 บาท แต่ต้องรีบเดี๋ยวมีคนมาเห็น เค้าบอกเราแบบนี้ 555 อะไหนๆก็มาแล้วจ่ายก็ได้ นี่ลงไปถ่ายได้ไม่ถึง 2 นาทีเรียกขึ้นแล้ววว เพราะฉนั้นใครจะลงไปถ่ายที่นี่คิดท่าไว้เลย เดี่ยวไม่ทัน ตลกมากกกกก
4.City Palace ที่นี่คือ The Best ของการถ่ายรูปมากๆ มีห้อง มีมุมเยอะแยะมากมายพอๆกับคน 55 สถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Hawa Mahal สามารถเดินมาได้เลย ตอนเรามาถึงจะเจอกับบรรดาไกด์ต่างๆ มาดักรอหน้าทางเข้า อย่าเพิ่งไปตกลงอะไรละ แนะนำว่าให้เดินเข้าไปตรงจุดซื้อตั๋ว แล้วเค้าจะจัดการให้เราเอง
ราคาจะมี 2 เรท เราเลือกแบบครอบคลุมทุกห้องเพราะอยากเข้าไปถ่ายไอห้องสีฟ้ามากๆ
ระหว่างทางจะมีไกด์คอยแนะนำ เล่าประวัติของพระราชวังรวมถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ที่เราฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ไกด์ที่นี่น่ารักและมีมรรยาทมากๆ ไม่ว่าจะแวะจุดไหนก็ไม่มีบ่น คอยแนะนำ อารมณ์เหมือนเพื่อนใหม่มากกว่า
ค่าเข้า 530 รูปี สามารถชมด้านในได้บางส่วน
ค่าเข้า 3,000 รูปี สามารถเข้าชมได้ทุดส่วนพร้อมไกด์ส่วนตัว มีเครื่องดื่มให้นั่งชิลล์ (ราคาเพิ่งขึ้นนะคะ)
เรารีบออกมาที่นี่ตั้งแต่เช้า เพราะกลัวคนเยอะ
ตอนมาถึงคนโล่งถ่ายรูปสบาย แต่ออกมาอีกทีนี่คนแน่นเชียว
ตั้งแต่ห้องนี้ไปคือต้องจ่ายในเรทที่สูงขึ้น เพื่อจะได้ขึ้นมา คือเดินวนตึกไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ เล่นเอาหอบเหมือนกัน พอถึงห้องนี้บอกพี่ไกด์ว่านอนรอได้เลยนะคะ ต้องนานแน่ๆ เค้าก็ยิ้มแบบเข้าใจแหละ ก็ห้องนี้คือป๊อปสุด
ห้องนี้คือที่ประทับของพระราชา แล้วจะมีที่นั่งซ้าย – ขวา ของบันดาควีนต่างๆ
ด้านในตกแต่งด้วยทองและกระจกวิบวับไปหมด จริงๆมีอีกห้องที่เป็นไฮไลน์ คือห้องที่พระราชาใช้ออกเดท เค้าจะปิดไฟแล้วจุดเทียน ด้านบนเพดานจะสะท้อนแสงไฟเห็นเป็นเงาวิบวับ เหมือนแสงดาว สวยยย แต่ไม่ได้ถ่ายมา เพราะมันมืด 555
มาถึงโซนประตูนกยูง จริงๆมี 4 บาน แต่ด้วยความที่คนเยอะ เลยถ่ายไม่ครบ 555
5.Amber Fort ป้อมแอมเบอร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบห่างจาก Jaipur ไปประมาณ 11 กม. เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของชัยปุระ กว้างมาก
วิธีการขึ้นไปด้านบนของ Amber Fort ทำได้ 4 วิธี คือ
1.เดินขึ้นไปเองใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที ตามทางไปเรื่อยๆไม่มีหลง
2.นั่งรถจี๊ป ค่าโดยสารคันละ 300 รูปี คันนึงนั่งได้ 4-5 คน (150 บาท)
3.นั่งช้างชมวิว ค่าโดยสาร 1,100 รูปี นั่งได้ 2 คน (550 บาท)
4. ถ้าเช่ารถมาสามารถให้คนขับรถขึ้นไปส่งด้านบนตรงทางเข้าได้เลย
ค่าเข้า 500 รูปี เท่ากับ 250 บาท
มาที่นี่ต้องจำไว้ว่าถ้าเดินผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนลงกลับมาทางเดิมได้ นี่เสียใจมาก
จุดแรกคนเยอะเลยคิดว่าจะเดินไปถ่ายตรงด้านในก่อน ปรากฏว่ายามไม่ให้เดินย้อนซะงั้น เซ็งเลย
6.Nahargarh Fort ป้อมนาหรครห์ ตั้งโดดเด่นอยู่บนบริเวณยอดหน้าผายาวครอบคลุมไปถึงเขาลูกใกล้เคียง รู้จักกันดีในชื่อป้อมไทเกอร์ Tiger Fort เราว่ามันเป็นจุดที่เอาไว้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่โครตสวยเลยนะ
ควรมาตั้งแต่ 3 โมงเย็นเพราะจะมีด้านในตัวอาคารให้เราเดินเที่ยวก่อน แล้วค่อยไปเดินเล่นตรงกำแพงชมวิวเมืองชัยปุระ พระอาทิตย์สีส้มดวงโต เหนือนครสีชมพู ชอบที่นี่มาก มาแบบ 2 วันติด
มาดูพระอาทิตย์ตกดินคือสวยมากเอาจริง ที่พีคพอกันคือทางขึ้นจ้าเป็นขึ้นเขาแบบเลนเดียวสวนกันไต่เขาขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าคิดไม่ออกให้นึกภาพกำลังขับรถขึ้นภูทับเบิก
แต่ถนนเหลือแค่เลนเดียวแล้วตามทางมีกลุ่มคนเดิน รถมอเตอร์ไซต์จอดตลอดทาง
คนขับรถเราขึ้นลงนึกว่ารถเมย์สาย 8 แต่ก็สนุกมาก พอลงมาถึงด้านล่าง จะหันมาถามว่า You Ok? นี่ก็ขำ ได้แต่บอกโอเคๆ คือบอกไม่โอเคได้หรอวะ ก็ลงมาแล้วนิ
ที่นี่เปิดให้ได้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 17.00 น.
ค่าเข้า 250 รูปี เท่ากับ 125 บาท
7. Galta Ji Temple Jaipur
วัดลิง ตั้งอยู่ห่างจากเมืองไปพอสมควร ถ้าไม่ได้เช่ารถมาแนะนำให้เหมารถแบบไป – กลับ
ไม่งั้นหารถยาก เสียดายวันที่เราไปเค้ามีพิธีอะไรซักอย่างที่คนอินเดียจะมาอาบน้ำในบ่อที่วัด แล้วคนเยอะมาก ถ่ายรูปมาได้นิดเดียวเอง มุมที่หาไปก็ถ่ายไม่ได้ ร้องไห้เบาๆ
ค่าเข้า 50 รูปีย์ เท่ากับ 25 บาท
ด้านในจะมีบ่อน้ๆเขียวๆ ซึ่งคนอินเดียมาอาบทำพิธีกัน แต่เค้าจะแยกผู้หญิงอาบบ่อนี้ ส่วนผู้ชายจะอยู่อีกบ่อถัดไปด้านบนคนเยอะมาก
8. Albert Hall Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กลางของเมืองชัยปุระ ที่ขับรถผ่านแล้วแบบสวยอะ ขอแวะหน่อย เป็นเหมือนเมืองโบราณ ที่มีนกอยู่ประมาณพันกว่าตัวได้ (ว่างนับเนอะ 555)
แล้วเวลามันบินพร้อมกัน สวยมาก แม่คุณเอ้ย ! แวะจอดถ่ายแค่นี้ก็คุ้มแล้ว
ค่าเช้า ฟรี (ถ้าถ่ายเฉพาะด้านนอก)
9. La Palma Jaipur
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนอีกร้านที่สามารถฝากท้องไว้ได้ ตกแต่งน่ารักหลุดกรอบอินเดียไปไกลมาก คิดว่านั่งกินอาหารอยู่แถวสีลม 555
ราคาก็ประมาณจานละ 200 – 500 บาท
จบจากชัยปุระเรามาต่อกันอีกเมืองที่อยากมามากๆ มาตามหาบ้านสีฟ้าแบบนี้เลย ที่เมือง Jodhpur ซึ่งต้องใช้เวลานั่งรถมาประมาณ 5-6 ชม. แล้วแต่คนขับ ตลอดทางก็จะเจอกับบรรดาสัตว์ต่างๆข้างถนน ขอทาน แล้วก็ร้านค้าแบบอินเด๊ย อินเดียของแท้อยู่ในชัยปุระไม่ค่อยได้เห็นซักเท่าไหร่ ดีเลย ชอบบบ
10.Mehrangarh Fort ป้อมปราการขนาดใหญ่มากๆในเมืองสีฟ้าแห่ง Jodhpur
เป็นหนึ่งในสี่ของพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียยาวข้ามเขาถึง 125 ลูก อลังการตั้งแต่ลานจอดรถ เอาเป็นว่าในบรรดาที่ได้มาในทริปนี้ทั้งหมด ประทับใจที่นี่สุดละ เดินเข้าไปพูดคำว่า “โห สวยอะ” บ่อยมาก ด้านในมีมิวเซียมต่างๆ และถ้าเดินไปด้านหลังเรื่อยๆจะเป็นจุดชมเมืองสีฟ้า ที่สวยมากๆอีก 1 จุด
ค่าเข้า 600 รูปี กล้อง 100 รูปี เท่ากับ ค่าเข้า 300 บาท กล้อง 50 บาท/ตัว
คุณลุงคนนี้เล่นบทเป็นอารมณ์ประมาณคิงจำลองให้นักท่องเที่ยวดู ทันทีที่หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย ถูมือใส่ “ทิปๆ” ฮ่าาาา ไม่ให้อะ รีบเดินไปเลย ก็เสียค่าเข้าแล้วจะเอาอะไรอีก นี่งก
ด้านหลังเป็นทางเดินไปดูวิวนครสีฟ้า ไปกันเลย ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ จะให้พูดอีกกี่ครั้งว่าโครตสวยเลย
ตรงนี้มองวิวจากช่องเล็กๆ หูย! ยอมๆ ความเมื่อยตูดหายไปเลย นครสีฟ้าที่รัก …
จุดต่อมาเป็นสถานที่ลับๆ ที่เจอใน IG ตรงนี้ไม่มีแผนที่บอกเราใช้วิธีมองหาความน่าจะเป็น ยังไงก็ต้องมาให้ได้ขนาดวันแรกเดินหาไม่เจอ วันที่ 2 ออกมาใหม่แต่เช้า เดินถามชาวบ้านมาเรื่อยๆ ก็เจอ จุดนี้เป็นเนินหินขนาดใหญ่ยื่นออกไปกลางเมืองสีฟ้า วิวแบบพาโนรามาด้านหลังมองเห็น Mehrangarh Fort สวยแบบโอ้ย ยอมจ้า แล้วมีน้องหมาตัวนึงเหมือนไกด์นำทางเดินตามตลอด เดินมารับตรงทางเข้า เดินมาส่งตรงจุดเดิมด้วย
ใครอยากมาจุดนี้แนะนำให้ออกทางหลัง Mehrangarh Fort เลี้ยวซ้ายเดินตามซอยแคบๆขึ้นไปตามบ้านแวะถามไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง
ค่าเข้า ฟรี
11.Pachetia Hill ที่ทำให้อยากมาเมือง Jodhpur ก็ตรงนี้แหละ วิวดีสุดมองเห็นเมืองสีฟ้าได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
12.Jodhpur Old Town
ย่านเมืองเก่าของ Jodhpur ซึ่งเป็นอีกเมืองของแคว้นราชสถาน
นิยมทาบ้านด้วยสีฟ้าก็เพราะว่าเมื่อก่อนหมู่บ้านนี้คือร้อนมากๆ ชาวบ้านจึงพากันทาบ้านเรือนสีฟ้า เพราะเป็นสีที่กัน UV ได้มากที่สุดและด้วยอีกความเชื่อคือมันกันยุงได้
เอาจริงเมืองนี้คือดิบว่าชัยปุระ คนวุ่นวายกว่า ไม่ค่อยสะอาดมากนัก ยิ่งโซนสีฟ้าทางเข้าคือแคบมากๆ รถยนต์ไม่สามารถเข้าได้ต้องนั่งริกชอร์เท่านั้น หรือไม่ก็เดิน เราเลือกเดินเพราะอยากแวะถ่ายรูปไปด้วยเรื่อยๆ นึกสภาพแบบเดินไปในซอบแคบๆ พร้อมบรรดาวัว หมาต่างๆ เดี๋ยวก็รถมาเดี่ยวก็เสียงแตร วุ่นวายไปหมด นี่สิอินเดียของแท้ ดีนะอากาศเย็นสบาย เดินไปเรื่อยแบบไม่สนใจ Map ถ้าหลงก็ค่อยโบกรถกลับ มาเที่ยวเมืองนี้คือทิ้งรถเช่าไปเลย ให้รอด้านนอก
ขอฮาวทูเดินยังไงไม่ให้หลงหน่อยค่ะ หลงทางตั้งแต่ก้าวแรก ยังดีอากาศเย็นสบาย เดินได้ 2 ก้าวต้องหลบรถ อีก 2 ก้าวหลบวัว เอ้ย !
นี่คนส่งนม เห็นเยอะเลย บางหลังไม่ออกมาเอาที่หน้าบ้านแต่ใช้วิธีหย่อนเชือกลงมารับนมแทน เจ๋ง
วิถีชีวิตผู้คนยามเช้า ชอบสีสันของเมืองนี้มากๆ
13.อีกจุดที่ต้องมาของเมืองนี้คือ Step Well Café ร้านกาแฟวิวบ่อน้ำขั้นบันได ร้านสวย บรรยากาศดี อันนี้แนะนำ จิบเครื่องดื่มไป ดูวิวไป หรือถ้าใครจะลงไปถ่ายรูปก็ได้นะ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า แถมยังลงเล่นน้ำได้ด้วย จุดฮิตของพี่อินเดียเค้าละ เดินมาจากโซนตลาดแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงละ
#ที่พัก
ทริปนี้จองที่พักผ่าน Traveloka และ Agoda เลือกแบบไปจ่ายที่โรงแรมได้เลย
– คืนที่ 1-2 Chitrakatha (Jaipur) คืนละ 600 บาท ที่พักดีมีดาดฟ้าช่วงที่เราไปตรงกับวัน Diwali เป็นเทศกาลต้อนรับปีใหม่ของชาวฮินดูและยังแสดงถึงการเริ่มต้นฟดูหนาวอย่างเป็นทางการ มีจุดพลุเฉลิมฉลองทั้งคีน ขึ้นไปนั่งกินข้าว ดูพลุคือดีมาก
– คืนที่ 3 The Blue House (Jodhpur) คืนละ 1,100 บาท ตัวที่พักอยู่ในย่าน Blue City เลย ทางเข้าค่อนข้างแคบต้องนั่งตุ๊กๆเข้าไป แต่ที่พักดีเกินเรื่องวิวห้องอาหารด้านบนมองเห็นวิว Mehrangarh Fort
– คืนที่ 4 Sapphire Inn (Jaipur) คืนละ 700 บาท ที่นี่อารมณ์คล้ายๆ Holiday Inn บ้านเรา ใกล้สนามบิน พร้อมอาหารเช้า
เพิ่มให้อีกหน่อย
► การคิดเงินเอา 2 หารได้เลย เช่น 100 บาท เท่ากับ 50 บาท สกุลเงินรูปี (INR)
► เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง
► การต่อราคาให้ต่อไปเลยครึ่งนึงถ้าไม่ได้เดินออกมา ซักแปปจะมีเสียงพูดตามหลัง “มาดาม มาดาม โอเค”
► บนถนนที่นี่ค่อนข้างวุ่ยวาย เสียงแตรรถสนั่นหวั่นไหว รวมถึงสัตว์ต่างๆก็ออกมาเดินบนถนน
► คนที่นี่ชอบถ่ายรูปมากๆ (วงเล็บตัวโตๆว่ามาก) ขอเซลฟี่เก่ง 555
► ห้ามให้เงินขอทานเด็ดขาด เดี๋ยวโดนรุม
► สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่จะมีไกด์เถื่อนอยู่เยอะ อย่าไปหลงกล ถ้าไม่แน่ใจเดินไปที่จุดขายตั๋วเลยดีกว่า
► เรื่องห้องน้ำสาธารณะค่อนข้างหนักหน่วง ถ้าให้ดีเตรียมทิชชู่มาให้พร้อม
► อาหารถือว่ากินได้ โดยเฉพาะข้าวผัด แต่ถ้าไม่ได้จริงๆร้านอาหารอิตาเลี่ยนมีอยู่ทั่วเมือง
► คนที่นี่น่ารัก ถึงหน้าตาจะดูโหดๆหน่อย แต่จริงๆคือพร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเต็มที่
► ขับรถชนกัน สีกันที่นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่มีโกรธเลยอะ เอองงอะ
► ขากลับไม่ต้องคิดมารอไฟล์บินที่สนามบินเลยนะ เพราะที่นี่เปิดให้เข้ามาในสนามบินแค่ 3 ชั่วโมงก่อนเครื่องบินออกเท่านั้น (หมายถึงให้ยืนรอนอนสนามบินเลย ซึ่งมีที่นั่งอยู่น้อยมากๆ)
No Comments